สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในอินเดียยังคงวิกฤติ หลัง ยอดตายโควิดอินเดีย ทะลุสองแสนศพแล้ว ขณะที่ทั่วโลกเร่งให้ความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 29 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในประเทศอินเดีย ขณะนี้พุ่งทะลุสองแสนศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทางการอินเดียพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดเพิ่มขึ้น อีกเกือบ 4 พันศพ เมื่อช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ซึ่งจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้เตาเผาศพไม่เพียงพอ
และทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ลานจอดรถเป็นลานเผาศพชั่วคราว ทั้งนี้หลายฝ่ายเชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตจริงน่าจะ ขณะเดียวกันยอดผู้ป่วยใหม่ในประเทศอินเดียยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศอินเดียพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่กว่า 370,000 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดสะสมเพิ่มสูงถึง 18 ล้านราย ถือเป็นประเทศยอดผู้ป่วยสะสมมากที่สุดในโลก ตามหลังสหรัฐอเมริกา
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอินเดียยังอยู่ในขั้นวิกฤติ หลังจากที่ประเทศอินเดียขาดแคลนอ๊อกซิเจนอย่างหนัก และส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มต้องพึ่งตลาดมืดในการหาอ๊อกซิเจน นอกจากนี้เตียงผู้ ICU ในโรงพยาบาลถือว่าใกล้เต็มความจุด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ทั่วโลกต่างส่งอ๊อกซิเจนเพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศอินเดียในการฝ่าฝันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้
ซึ่งผู้พูดยังได้ระบุอีกว่า พวกเขาได้มอบข้อมูลที่มีให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในไทย และ ทางการนอร์เวย์แล้ว แต่มันน่าเรื่องน่าเศร้าที่ผู้ต้องหายังไม่ถูกจับกุม
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นาย โอกุ และแฟนสาวชาวนอร์เวย์ได้เดินทางมาเที่ยวที่เกาะพงัน ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวที่ลาว ซึ่งในช่วงเวลาที่ทั้งสองพักอาศัยอยู่ที่เกาะพงัน มีรายงานว่ามีผู้ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้ตาย และมีพยานเห็น นายโอกุนำศพของหญิงชาวนอร์เวย์
ไฟเซอร์เผยกำลังเร่งทดลอง ยาเม็ดต้านโควิด กับอาสาสมัครในสหรัฐฯและเบลเยียม แย้มอาจได้ใช้สิ้นปีนี้ หากทดลองราบรื่น
เมื่อวันที่ 27 เมษายน บริษัท ไฟเซอร์ บริษัทผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ได้โพสต์ลงเว็ปไซต์ เปิดเผยว่ากำลังทดสอบทางคลินิก ยาเม็ดต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือเชื้อโควิด-19 กับกลุ่มอาสาสมัครในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเบลเยียม เพื่อทดสอบว่ายาเม็ดนี้สามารถใช้รักษาโควิดได้หรือไม่
โดยนาย อัลเบิร์ต บัวลา ซีอีโอของบริษัทไฟเซอร์กล่าวว่า สาเหตุที่ทางบริษัทมุ่งเป้าผลิตยาเม็ด เนื่องจากยาเม็ดมีประโยชน์ในหลายจุด ซึ่งจุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาล ซึ่งซีอีโอระบุว่าหากการยาเม็ดใช้ได้ผล จะเป็นจุดพลิกผันสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19
นอกจากนี้นายบัวลายังแสดงความมั่นใจอีกด้วยว่ายาเม็ดจะสามารถรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาทดสอบเฟสสามได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางบริษัทไฟเซอร์ระบุแค่ว่า หากการทดลองเป็นไปได้ด้วยดี ยาเม็ดชนิดนี้อาจพร้อมใช้ในสิ้นปีนี้ คาดว่าการเปิดเผยข้อมูลครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
สหรัฐฯ อนุญาตให้ ปชช. ฉีดวัคซีนโควิดครบ ไม่ต้องสวมแมสก์
ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของ สหรัฐฯ ได้ออกมาอนุญาตให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่จำเป็นต้อง สวมแมสก์ เมื่ออยู่นอกบ้านหรือที่คนไม่พลุกพล่าน ขณะที่ ปธน. ย้ำอย่าเพิ่งทิ้งแมสก์
สหรัฐ หน้ากากอนามัย – เมื่อวันที่ 28 เมษายน สำนักข่าว ABC รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย พร้อมระบุว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีความคืบหน้าที่เหลือเชื่อในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยในการแถลงครั้งนี้ผู้นำสหรัฐฯยังได้ออกมาเปิดเผยมาตรการใหม่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC ที่อนุญาตให้ประชาชนที่รับวัคซีนต้านโควิดครบโดสแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่นอกเคหสถาน หรือ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันอย่างแน่นหนา เช่นงาน คอนเสิร์ต หรืองานกีฬา
ซึ่งนายไบเดนระบุว่า หากประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิดแล้ว จะสามารถทำกิจกรรมได้มากกว่าและปลอดภัยกว่าประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้านโควิด นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังได้วอนให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เข้ารับฉีดวัคซีนอีกด้วย
ทั้งนี้นายไบเดนยังคงย้ำเตือนให้ประชาชนอย่าเพิ่งทิ้งหน้ากากอนามัย เนื่องจากในปัจจุบันประชากรสหรัฐฯที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้วยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของประเทศ และย้ำอีกครั้งว่ามาตรการดังกล่าวจะใช้กับประชาชนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดครบโดสแล้วเท่านั้น
ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกามียอดผู้ป่วยสะสมเกือบ 33 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้ว เกือบ 6 แสนศพ
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง